เปิดเผยผลสำรวจเงินเดือนปี 2555 และแนวโน้มปี 2556 จาก 2 องค์กร พบขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยใกล้เคียงกัน 6.2% และ6.3% สูงสุดอยู่ที่ 10% และต่ำสุดอยู่ที่ 3.5% จ่ายโบนัสเฉลี่ย 2.8 และ 3 เดือน สูงสุด 7 เดือน และต่ำสุด 1 เดือน ชี้จับตาใกล้ชิดนโยบายค่าจ้างสูงของรัฐบาล การขยายผลค่าจ้างขั่นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ คาดส่งผลรุนแรงขึ้น บริษัท เฮย์กรุ๊ป ประเทศไทย ที่ปรึกษาระดับโลกด้านการบริหารจัดการและพัฒนาองค์กร เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มการขึ้นเงินเดือนและการจ่ายค่าตอบแทนของผู้ประกอบการ ในแต่ละอุตสาหกรรมว่า การขึ้นเงินเดือนในปี พ.ศ.2556 (ค.ศ.2013) ในภาพรวมทุกอุตสาหกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 6.35% โดยอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการขึ้นเงินเดือนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค (พลังงานไฟฟ้า) อยู่ที่ 7. 54% กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ อยู่ที่ 7.01% และกลุ่มอุตสาหกรรมหนัก อยู่ที่ 6.80% ตามลำดับ เนื่องจากเป็นสายอาชีพเฉพาะทางที่ต้องการความเชี่ยวชาญอย่างสูง ส่วนแนวโน้มการจ่ายโบนัสในอุตสาหกรรมต่างๆ สำหรับผลการดำเนินงานปี 2555 คาดว่าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8 เดือน โดยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า)อยู่ที่ 3.53% กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก อยู่ที่ 3.75% และกลุ่มปิโตรเคมีภัณท์ อยู่ที่ 3.04% ทั้งนี้ กลุ่มสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า) และอุตสาหกรรมหนักเน้นสัดส่วนการจ่ายโบนัสตามผลประกอบการมากกว่าอุตสาหกรรม อื่นที่เน้นฐานเงินเดือนมากกว่า สำหรับการสำรวจการขึ้นเงินเดือนแยกตามระดับประเภทของระดับพนักงานพบว่า กลุ่มพนักงานระดับปฏิบัติการจะมีการปรับขึ้นของเงินเดือนที่เห็นได้อย่าง ชัดเจนจากปี พ.ศ.2554 (ค.ศ.2011) มาปีพ.ศ.2555 (ค.ศ.2012) อยู่ที่ 7.03% เนื่องจากการปรับขึ้นของแรงานขั้นต่า ส่วนจากการคาดการณ์ในปี 2556 การขึ้นเงินเดือนของระดับปฏิบัติการ อยู่ที่ 6.46% ซึ่งจะสูงกว่าระดับหัวหน้างานหรือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งอยู่ที่ 6.36% และ 6.15% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการลาออกในปี 2555 พบว่าตำแหน่งงานระดับปฏิบัติการมีอัตราการลาออกสูงสุดที่ 13% ตามด้วยพนักงานระดับหัวหน้างานซึ่งมีเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 11% ระดับบริหารจัดการและผู้บริหารระดับสูง อัตราการลาออกจะต่ำกว่า อยู่ที่ 8% เท่ากัน นอกจากนี้สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้สำรวจแนวโน้มการปรับค่าจ้างเงินเดือนในปีนี้เช่นกัน พบว่าค่าเฉลี่ยการปรับค่าจ้างประจำปีนี้จะอยู่ที่ 6.2% โดยบริษัทที่กำหนดงบประมาณการปรับไว้สูงที่สุดอยู่ที่ 10% และต่ำสุดอยู่ที่ 3.5% ทั้งนี้ บริษัทในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและปิโตรเคมี กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร มีแนวโน้มการปรับค่าจ้างสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด ส่วนแนวโน้มการจ่ายโบนัสเฉลี่ยในระดับ 3 เดือน สูงกว่าปี 2554 ซึ่งเฉลี่ยที่ 2.4 เดือน โดยบริษัทที่จะจ่ายโบนัสสูงสุดกำหนดอัตราไว้ที่ 7 เดือน และต่ำสุดที่ 1 เดือน ธุรกิจที่มีแนวโน้มการจ่ายโบนัสสูง ได้แก่ ธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วน ธุรกิจน้ำมันและปิโตรเคมี ธุรกิจธนาคาร การที่บริษัทชั้นนำกำหนดงบประมาณโบนัสไว้ในอัตราดังกล่าวถือเป็นการแสดงถึง การฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยกลับไปมีอัตราการจ่ายโบนัสใกล้เคียงกับปี 2553 อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายยังต้องติดตามแนวโน้มการบริหารค่าจ้างในปี 2556 อย่างใกล้ชิด เพราะผลจากนโยบายค่าจ้างสูงของรัฐบาล การขยายผลของค่าจ้างขั่นต่ำ 300 บาททั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2556 น่าจะส่งผลรุนแรงขึ้น