นายเฉิน ตันหยาง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า การกีดกันการลงทุนจากจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าจีน นายเฉินกล่าวในการงานแถลงข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จีนมีรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานที่ว่า บริษัทจีนถูกกีดกันจากการลงทุนในตลาดสหรัฐ เนื่องจากถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ “กระทรวงจะติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด" นายเฉินกล่าว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐได้ออกคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัท แรลส์ คอร์ป ซึ่งถือหุ้นและดำเนินการโดยบริษัทซานี กรุ๊ป ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างของจีน เข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังลมจำนวน 4 แห่งในเมืองบอร์ดแมน รัฐโอเรกอน โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติเนื่องจากสถานที่ตั้งของโครงการดังกล่าวอยู่ใกล้กับสถานที่ฝึกซ้อมระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ คำสั่งดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2553 ที่ประธานาธิบดีสหรัฐสั่งห้ามการทำธุรกรรมหรือการซื้อขายจากมูลเหตุดังกล่าว ด้านบริษัทแรลส์ คอร์ป ได้ยื่นฟ้องประธานาธิบดีโอบามาโดยระบุว่า “เขาได้ใช้อำนาจอย่างไม่ยุติธรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมหาศาล" “เราหวังว่า ศาลยุติธรรมสหรัฐจะดำเนินการอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและเปิดเผย" นายเฉินกล่าว ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐสกัดการลงทุนของจีนโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยฝ่ายข่าวกรองของรัฐสภาสหรัฐได้เปิดเผยรายงานโดยกล่าวหาอย่างไม่มีมูลความจริงว่า บริษัท หัวเหว่ยและ ZTE ของจีนอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ รายงานดังกล่าวแนะนำให้เจ้าหน้าที่กำกับดูแลป้องกันไม่ให้หัวเหว่ยและ ZTE ซื้อบริษัทสหรัฐ พร้อมกับเสริมว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐไม่ควรมีชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตโดยทั้งสองบริษัทเนื่องจากอาจมีความเสี่ยงด้านการจารกรรม “ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าแบบทวิภาคี โดยในความเป็นจริง การลงทุนในสหรัฐของจีนมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในบรรดาประเทศคู่ค้าของจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี" นายเฉินกล่าว กระทรวงพาณิชย์จีนหวังว่า ฝ่ายสหรัฐจะไม่นำประเด็นการค้ามาเป็นมาเป็นประเด็นการเมืองและกลับไปดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้องโดยเร็ว เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน