ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตก กังวลที่ว่าทางการจีนอาจจะใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงิน หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2.77 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 14,450.06 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.74 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 1,552.48 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 10.55 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 3,242.32 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเก็งกำไร และจากรายงานที่ว่า สเปนระดมทุนได้ 5.83 พันล้านยูโร จากการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือน และ 12 เดือนในวันนี้ ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 5.5 พันล้านยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนของตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นแตะระดับ 12.27 จุด เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าทางการจีนจะใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงิน หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของประเทศ เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งรายงานดังกล่าวส่งผลให้ทางการจีนตัดสินใจประกาศลดเป้าหมายอัตรา การขยายตัวของดัชนีซีพีไอในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2555 อยู่ 0.5% หุ้นคอสโค โฮลเซลล์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.28% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 39% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หุ้น Yum! Brands ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารรายใหญ่ พุ่งขึ้น 1.31% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในจีนพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายใน เดือนก.พ. หุ้นแอปเปิลร่วงลง 2.16% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจฟเฟอร์รีส์ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นแอป เปิลลงมาอยู่ที่ระดับ 420 ดอลลาร์ จากเดิม 500 ดอลลาร์ หุ้นเมอร์ก ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.16%