รอยเตอร์รายวานว่า นายแอนดรูว์ คาฮูน เจ้าหน้าที่ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า ฟิทช์จะไม่ปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น โดยอิงอยู่บนคำสัญญาที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เคยให้ไว้ก่อนที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในเดือนธ.ค.2012 นายคาฮูน ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของฟิทช์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ฟิทช์จะประเมินมาตรการต่างๆของรัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นระบุว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอันดับแรกสำหรับรัฐบาลของเขา อย่างไรก็ดี คำสัญญาของเขาในเรื่องงบรายจ่ายของรัฐบาลทำให้หลายคนกังวลว่า ภาระหนี้สินของรัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก นายคาฮูนกล่าวว่า ถ้าหากนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโตขึ้น ปัจจัยนี้ก็อาจส่งผลดีต่ออันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น นายอาเบะเรียกร้องให้บีโอเจดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมากยิ่งขึ้นเพื่อแก้ไขภาวะเงินฝืด และเพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2 % นายคาฮูนกล่าวว่า ทางการญี่ปุ่นน่าจะมีความรู้เป็นอย่างดีในเรื่องที่ว่าการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะกระตุ้นให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามไปด้วย นายคาฮูนตั้งข้อสังเกตว่า อัตราผลตอบแทนของ JGB ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่มีแนวโน้มว่าพรรค LDP จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง อัตราผลตอบแทน JGB ประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ 0.825 % ในวันนี้หลังจากที่ดิ่งลงแตะ 0.685 % ในวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2003 นายคาฮูนกล่าวว่า ถ้าหาก BOJ ดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพิ่มเติม การกระทำดังกล่าวก็อาจะช่วยสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่สามารถจำหน่ายได้ในตลาด ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้วแห่งอื่นๆเคยกระทำในช่วงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจ 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ภาระหนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่นมีขนาดสูงกว่า 2 เท่าของขนาดเศรษฐกิจประเทศ โดยภาระหนี้สาธารณะดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในช่วงที่พรรค LDP ดำรงตำแหน่งรัฐบาลญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี ในเดือนพ.ค. 2012 ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับความน่าเขื่อถือของญี่ปุ่นลง1 ขั้น สู่ A+ เนื่องจากมีความขัดแย้งทางการเมืองในเรื่องแผนการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และฟิทช์ประกาศเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงต่อไป อันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นที่จัดโดยฟิทช์ อยู่ต่ำกว่าอันดับที่จัดโดยสถาบันคู่แข่ง 1 ขั้น โดยมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส จัดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นไว้ที่ Aa3 โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ ส่วนสแตนดาร์ดแอนด์ พัวร์ (S&P) จัดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นไว้ที่ AA- โดยมีแนวโน้มในเชิงลบ